นักบรรพชีวินวิทยาตรวจสอบ “ขนดึกดำบรรพ์” 3 ชนิด รวมถึงไดโนเสาร์ที่มีอายุราว 125 ล้านปี ที่เรียกว่า “Sinornithosaurus” ที่พบในจีน
หลังจากทำการวิเคราะห์ “ขนดึกดำบรรพ์” ด้วยรังสีเอกซ์ และแสงอินฟราเรด นักวิจัยได้ตรวจพบร่องรอยของเบต้าโปรตีน CBPs ซึ่งเดิมเรียกว่า เบต้า-เคราติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นสำหรับการเสริมความแข็งแรงของขนนกเพื่อการบิน จากนั้นทีมนักวิจัยนานาชาติได้ตรวจสอบขนนกจากนกในปัจจุบัน และสังเกตเห็นว่ามีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกันมาก
ก่อนการศึกษานี้ นักวิทยาศาสตร์คิดว่าขนของสัตว์ดึกดำบรรพ์มีองค์ประกอบโปรตีนแตกต่างไปจากสัตว์ในยุคปัจจุบันสิ้นเชิง และส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตีนอัลฟ่า ซึ่งไม่แข็งแรงเท่ากับ CBPs
อย่างไรก็ตาม การศึกษาใหม่นี้แสดงให้เห็นว่าไม่เพียงแต่ “ขนดึกดำบรรพ์” ส่วนใหญ่ประกอบด้วย CBPs เท่านั้น แต่ยังรวมถึงโปรตีนเหล่านั้นที่เปลี่ยนเป็นโปรตีนอัลฟ่าระหว่างกระบวนการฟอสซิลอีกด้วย
นักวิจัยกล่าวว่า
“ขนไดโนเสาร์ที่เราวิเคราะห์แสดงให้เห็นว่า ส่วนใหญ่ประกอบด้วยโปรตีนเบต้า”
“ดังนั้น รายงานดั้งเดิมที่ระบุว่าขนดึกดำบรรพ์ประกอบด้วยโปรตีนอัลฟ่าเป็นส่วนใหญ่น่าจะเป็นสิ่งที่เกิดจากกระบวนการฟอสซิล”
แนวคิดใหม่นี้ไม่เพียงแต่แสดงให้เห็นว่าโปรตีนสามารถคงอยู่ในฟอสซิลได้นานกว่า 125 ล้านปี แต่ยังให้แนวคิดใหม่เกี่ยวกับวิวัฒนาการของ “ขนดึกดำบรรพ์” ด้วย
เครดิต livescience.com