ไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการเล่นนักสืบและการเปิดโปงความลับที่แปลกประหลาดที่ถูกเก็บไว้จากทั่วโลกโลก มีบางคนที่ไม่เชื่อว่าที่จริงแล้วพีเอเวอเรสต์คือภูเขาที่สูงที่สุดในโลกอยู่ หรือบางคนอาจไม่เคยรู้เลยว่าขอบโลกหรือเส้น Karman line นั้นอยู่สูงขึ้นไปเท่าไหร่ หรือบางคนอาจยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าโลกของเรามีน้ำจืดเพียง 3% เท่านั้น เรื่องราวเหล่านี้ล้วนน่าสนใจ และนี่คือ 9 เกร็ดความรู้แปลกๆ รอบตัว ที่คุณอาจไม่เคยรู้ จะมีเรื่องอะไรบ้างไปอ่านกันเลย
#1 เอเวอเรสต์ไม่ใช่ภูเขาที่สูงที่สุดในโลก
หากวัดความสูงจากตีนเขาจนถึงยอดเขา เอเวอเรสต์นั้นไม่ใช่ภูเขาที่สูงที่สุดอย่างที่หลายๆ คนเข้าใจ เพราะภูเขาที่สูงที่สุดคือภูเขา Mauna Kea โดยภูเขาลูกนี้สูงกว่าเอเวอเรสต์ถึง 1,355 เมตร แต่เพราะตีนภูเขา Mauna Kea นั้นจมอยู่ใต้น้ำทำให้ดูแล้วจะเตี้ยกว่าภูเขาเอเวอเรสต์ ภาพเปรียบเทียบความสูงของภูเขา Everest vs Mauna Kea
#2 ขอบโลก
จุดสิ้นสุดของบรรยากาศหรือขอบโลกก็คือเส้น Karman line ที่อยู่สูงขึ้นไป 100 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล
#3 สถานที่ที่แห้งแล้งที่สุดในโลกอยู่ในทวีปแอนตาร์กติกา
หลายคนอาจคิดว่าสถานที่ที่แห้งแล้งที่สุดอาจจะเป็นทะเลทรายที่เรารู้จักกันดีอย่างซาฮาราหรืออาตากามา แต่ความจริงแล้วมันคือ McMurdo Dry Valleys ที่ไม่มีฝนตกต่อเนื่องยาวนานกว่า 2 ล้านปีมาแล้ว
#4 โลกของเรามีน้ำจืดเพียง 3%
ส่วนอีก 97% นั้นเป็นน้ำทะเลในมหาสมุทรนั่นเอง
#5 วัดที่เก่าแก่ที่สุดในโลกมีอายุ 12,000 ปี
คือ Gobekli Tepe ประเทศตุรกี
#6 ดวงจันทร์อาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลก
นักวิทยาศาสตร์ชาวสวีเดนเชื่อว่าเมื่อ 4.36 พันล้านปีก่อน ดวงจันทร์อาจเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลก เพราะออกซิเจนและแร่ไทเทเนียมบนดวงจันทร์นั้นมีลักษณะคล้ายคลึงกับธาตุที่พบบนโลกเป็นอย่างมาก
#7 อีก 250 ล้านปีข้างหน้า ทุกทวีปจะรวมเป็นหนึ่ง
เปลือกโลกของเรานั้นมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา และในอดีตเมื่อ 250 ล้านปีก่อนก็เคยเป็นมหาทวีปแพนเจีย
ปัจจุบันโลกแบ่งออกเป็นหลายทวีป
และในอนาคตอีก 250 ล้านปีข้างหน้าทุกทวีปจะกลับมารวมกันอีกครั้ง
#8 พื้นที่ส่วนใหญ่บนโลกตกอยู่ในความมืด
โลกของเราประกอบไปด้วยแหล่งน้ำมากถึง 71% และแสงอาทิตย์ก็สามารถส่องผ่านผิวน้ำได้ลึกเพียง 200 เมตรเท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่บนโลกของเราจึงอยู่ในความมืดตลอดเวลา
#9 ประเทศเพื่อนบ้านอาจมีเวลาห่างกันถึง 1 วันเต็ม
ประเทศอเมริกันซามัวและประเทศคิริบาสนั้นอยู่ห่างกัน 2,000 กิโลเมตร แต่เวลาต่างกันถึง 25 ชั่วโมง
เครดิต brightside.me