ชายชาวญี่ปุ่นยอมขาย “การ์ดยูกิระดับแรร์” เพื่อนำเงิน 4 แสนไปใช้เป็นค่าเทอมให้ลูกสาว

ถ้าพูดถึงชื่อของ Yu-Gi Oh แล้ว นักอ่านมังงะก็คงจะรู้จักกันดีในฐานะของมังงะการ์ดเกม (การ์ดยูกิ) ที่ได้รับความนิยมลำดันต้นๆ ของโลก และไม่ใช่เพียงแค่มังงะเท่านั้นที่ได้รับความนิยม การ์ดในเรื่องเองก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน ซึ่งได้รับความนิยมจนถึงขนาดมีจัดงานแข่งขันระดับโลกอยู่เป็นประจำ

ความนิยมนี้เองที่อาจจะทำให้ผู้ที่ครอบครองการ์ดหายากกลายเป็นเศรษฐีได้ทีเดียว และสำหรับวันนี้เราจะพาไปชมเรื่องราวสุดประทับใจของแฟนการ์ดเกม Yu-Gi Oh ที่เขาเลือกทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตเพื่อคนที่รัก ถ้าพร้อมแล้วไปอ่านกันเลย

ลาก่อนการ์ดยูกิ

เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นในปี 2017 เมื่อผู้ใช้ Twiter นามว่า @KnightMiyabi ได้โพสต์ภาพการ์ดในตำนานที่รู้จักกันดีอย่าง Blue Eye White Dragon จำนวน 4 ใบ ด้วยข้อความแสดงความอาลัยอย่างที่สุดอย่าง

“ลาก่อนความทรงจำของผม ตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นค่าเทอมให้ลูกสาวแล้ว”

ซึ่งบรรดาหมู่นักสะสมต่างเข้ามาแสดงความเสียใจและยินดีกับเจ้าของใหม่ด้วยที่ได้การ์ดหายากไปครอบครอง (นักเรียนประถมในโรงเรียนของรัฐนั้นจะมีค่าใช้จ่ายตลอด 6 ปี อยู่ที่ประมาณ 2 ล้านเยน ประมาณ 480,000 บาท)

เหตุการณ์ในครั้งนี้เรียกได้ว่าเป็นการกระทำด้วยหัวใจของคนเป็นพ่อที่ประเสริฐเป็นอย่างมากเพราะต้องยอมตัดใจขายของที่รักของตนเองไป เพราะถึงแม้ในอนาคตจะมีเงินก็ใช่ว่าจะหาซื้อกลับมาได้ง่ายๆ

ขายได้เท่าไหร่?

การ์ด 4 ใบนี้มีราคาขายไปกันอยู่ที่ใบละประมาณ 400,000 เยน ในขณะนั้น (ตกประมาณใบละ 100,000 บาท)

สาเหตุที่แพงขนาดนี้ก็เป็นเพราะว่า การ์ด Blue Eye White Dragon ทั้ง 4 ใบนี้เป็นของที่ระลึกจากงาน Jump Festa ที่จัดขึ้นโดยบริษัทชูเอย์ฉะ และมีจำนวนจำกัด

ทำไมการ์ดแต่ละใบราคาไม่เท่ากัน?

หลายคนอาจจะสงสัยกันแล้วว่าการจะดูการ์ดแพงๆ นั้นดูกันที่ตรงไหน ปกติแล้วการ์ดยูกิที่ออกวางขายนั้นจะมีแบบที่ผลิตแบบจำกัดจำนวนอยู่ด้วย ซึ่งของพวกนี้มักจะแจกกันในงานกิจกรรมต่างๆ ที่จัดโดยผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นของรางวัลจากการแข่งขันหรือการสุ่มผู้โชคดี ยิ่งเป็นที่นิยมและหายากมากเท่าไหร่ราคาก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

การ์ดยูกิที่แพงที่สุดในโลก

ในส่วนการ์ดที่มีราคาแพงที่สุดนั้นคือ “Black Luster Soldier” ที่เป็นการ์ดพิเศษที่ทำมาเพื่อเป็นของรางวัลแก่ผู้ชนะในการแข่งขันการ์ดยูกิระดับโลกในปี 1999 ซึ่งทำมาจากสแตนเลสและที่สำคัญมันมีเพียงใบเดียวในโลก

ราคาขายนั้นเกินกว่า 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 340 ล้านบาท) เลยทีเดียว