ในโลกของเรายังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายที่กลายเป็นที่นิยมโดยดึงเอาจุดเด่นในเรื่องของภาพลวงตามาใช้ ทั้งพิพิธภัณฑ์ภาพ 3 มิติ หรืออุทยานทางธรรมชาติในประเทศต่างๆ อย่างเช่น 14 สถานที่ท่องเที่ยวต่อไปนี้ที่คุณอาจจะต้องใช้เวลาเพื่อเดินทางไปพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าสิ่งที่เห็น กับสิ่งที่เป็นอย่างไหนคือของจริง เพราะสถานที่เหล่านี้ถูกสร้างขึ้นมาให้ดูเหมือนจริงมากๆ จนบางครั้งเราก็แยกไม่ออกว่าอันไหนจริง อันไหนหลอกกันแน่
#1 Yangzhou Zhongshuge เมืองหยางโจว ประเทศจีน นี่คือห้องสมุดในประเทศจีน มีการการจัดเรียงหนังสือบนชั้นวางที่ทอดยาวขึ้นไป โดยด้านล่างจะทำเป็นพื้นสีดำ เพื่อสะท้อนภาพด้านบนและทำให้เหมือนอยู่ในอุโมงค์ที่มีแต่หนังสือ
#2 Hoober Stand เมือง Wentworth ประเทศอังกฤษ ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่กลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเป็นเกียรติแก่ Thomas Watson Wentworth ซึ่งได้ต่อสู้เคียงข้างกับพระเจ้าจอร์จที่ 2 ในศึก Jacobite Rebellion แม้ว่าภายนอกจะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ว่าภายในได้บรรจุโคมไฟหกเหลี่ยมอยู่ด้านบน และเมื่อมองจากด้านนอกจะทำให้เห็นเหมือนโคมไฟกำลังเคลื่อนที่ไปยังทิศต่างๆ แม้ว่าความจริงแล้วมันจะถูกตั้งอยู่ตรงกลางก็ตาม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ยืนมอง
#3 Pedra do Telegrafo ริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ในภาพดูเหมือนนักท่องเที่ยวคนนี้กำลังทำอะไรที่เสี่ยงมาก แต่จริงๆ แล้ว จุดที่เขายืนอยู่นั้นสูงจากพื้นดินไม่ถึง 1 เมตรด้วยซ้ำ
#4 ทะเลสาบ Lake Sorvagsvatn ในหมู่เกาะแฟโร ทางตอนเหนือของมหาสมุทรแอตแลนติก ดูจากภาพแล้วอาจจะเห็นว่าทะเลสาบอยู่สูงเหนือน้ำทะเลมาก ในความเป็นจริงแล้วเมื่อรวมกับความลึกทะเลสาบอยู่สูงเหนือผืนน้ำทะเลเพียง 30 เมตร แต่หน้าผาที่อยู่ริมทะเลที่หันเข้ากล้องมีความสูง 100 เมตร ทำให้ภาพที่ออกมานั้นดูเหมือนทะเลสาบอยู่สูงจากน้ำทะเลมาก ทั้งที่จริงแล้วเป็นแค่ภาพลวงตา
#5 Mystery Spot ซานตาครูซ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ดูเหมือนคนในภาพจะเอียงตัวได้ แต่จริงๆ แล้วพื้นที่แห่งนี้มีความโน้มเอียง 20 องศา พร้อมกับบ้านที่ถูกทำขึ้นเป็นลักษณะพิเศษ เมื่อดูด้วยสายตาจะรู้สึกเหมือนว่าคนเอียงแต่จริงๆ มันเป็นแค่ภาพหลอกตา
#6 Amanohashidate เกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ความพิเศษของสถานที่แห่งนี้คือคุณจะต้องก้มมองลอดระหว่างขา แล้วคุณจะเห็นสะพานที่ทอดยาวออกไปกลายเป็นมังกรที่บินขึ้นสู่ท้องฟ้า และผู้คนยังเชื่ออีกว่าการทำแบบนี้จะทำให้คุณโชคดีด้วย
#7 Magowan’s Infinite Mirror Maze ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นี่คือเขาวงกตที่จะทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ในสถานที่ 2 แห่งในเวลาเดียวกัน เพราะในเขาวงกตนี้มีกระจกติดอยู่ทุกด้าน หลายคนอาจใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะออกจากที่แห่งนี้ไปได้
#8 Rakotzbrucke เมือง Gablenz ประเทศเยอรมนี สะพานทรงโค้งที่สะท้อนกับน้ำแล้วจะดูเหมือนวงกลม ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมันมีแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
#9 พิพิธภัณฑ์ Trickeye Museum กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ 3 มิติที่ดีที่สุดในโลก พวกเขาใช้วิธีวาดภาพและลงเงาให้รูป 2 มิติ ดูมีชีวิตและจับต้องได้มากขึ้นจนราวกับว่ามีอยู่จริง
#10 Rio Celeste ในประเทศคอสตาริกา แม่น้ำ Rio Celeste แห่งนี้ มีสีฟ้าอมเขียว เป็นระยะทาง 14 กิโลเมตร หลังจากนั้นน้ำจะมีลักษณะโปร่งใส
ทางนักวิทยาศาสตร์ได้พิจารณาแล้วว่า น้ำที่เป็นสีฟ้าครามสดใสนั้นเกิดจากแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยอลูมิเนียม ซิลิคอนและออกซิเจน ที่เรียกว่าอะลูมิโนซิลิเกต ซึ่งเมื่อระเหยอยู่ในน้ำจะสะท้อนกับแสงแดด และจะหลอกตามนุษย์ให้เห็นเป็นน้ำสีฟ้าครามนั่นเอง
#11 Camera Obscura and World of Illusions เมืองเอดินบะระ ประเทศสก็อตแลนด์ นี่เป็นห้องที่มีชื่อว่า Ames Room เมื่อมองจากด้านหน้าจะดูเหมือนเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมมุมฉาก แต่ที่จริงแล้วเป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู และด้านที่ลึกกว่าจะสร้างให้มีขนาดใหญ่กว่า
#12 Electric Brae เมือง Ayrshire ประเทศสก็อตเเลนด์ คุณอาจรู้สึกราวกับว่ากำลังเคลื่อนที่ขึ้นเนินเขา แต่ในทางกลับกันมันกำลังลงเนินเขาต่างหาก ในความเป็นจริงแล้ว เนินเขาลูกนี้เป็นภาพลวงตาที่ถูกสร้างขึ้นจากการไม่มีเส้นขอบฟ้าเพื่อเป็นตัวอ้างอิงสายตาทำให้เข้าใจไปว่ากำลังขับขึ้นเนิน
#13 Spook Hill ทะเลสาบ Wales รัฐฟลอริด้า เป็นอีกหนึ่งเนินเขาที่แรงโน้มถ่วงทำให้นักท่องเที่ยวต้องงกันเป็นแถว เนื่องจากการที่อยู่ๆ รถที่จอดอยู่ก็เหมือนถูกเข็นขึ้นเนินเองโดยไม่มีใครผลัก มีเรื่องเล่าว่าหัวหน้าเผ่าของชนพื้นเมืองได้ต่อสู้กับจระเข้ที่พยายามรุกรานแผ่นดินของเขา ทั้งสองเสียชีวิตในการสู้รบที่ด้านบนสุดของเนินเขาแห่งนี้เพราะฉะนั้นวิญญาณของพวกเขาจึงคอยออกมาหลอกหลอนผู้คน
#14 Moncton Magnetic Hill เมือง New Brunswick ประเทศแคนาดา แม้ว่า Moncton Magnetic Hill จะไม่มีตำนานเบื้องหลังอย่าง Spooky Hill แต่รถที่เคลื่อนมาจอด ณ จุดนี้ ก็ไหลกลับขึ้นเนินไปเช่นกัน คาดว่าเป็นเรื่องตลกที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลก
เครดิต brightside.me
