10 โรงเรียนสุดเจ๋งจากทั่วโลก ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

สำหรับเด็กทุกคนทั่วโลกการไปโรงเรียนนั้นอาจเป็นเรื่องที่น่าเบื่อหน่ายเอามากๆ เนื่องจากต้องตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ แถมยังต้องไปเจอกับบรรยากาศ และสภาพแวดล้อมเดิมๆ ที่ช่างไม่น่าตื่นตาตื่นใจเอาเสียเลย แต่สำหรับโรงเรียนเหล่านี้จะทำให้ความน่าเบื่อนั้นหมดสิ้นไปได้ และนี่คือ 10 โรงเรียนสุดเจ๋งจากทั่วโลก ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร แต่ละแห่งจะเป็นอย่างไรลองไปชมกันเลย

#1 โรงเรียนลอยน้ำ Makoko ที่เมือง Lagos ประเทศไนจีเรีย

โรงเรียนที่ลอยอยู่บนผืนน้ำ สามารถปรับระดับให้เข้ากับน้ำที่ขึ้นลงได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถรับมือกับสภาพอากาศที่เลวร้ายได้อีกต่างหาก นอกจากนี้โรงเรียงแห่งนี้ยังไม่มีการจำกัดอายุของนักเรียน และพื้นที่ทั้งหมดยังสามารถเป็นทั้งห้องเรียน กับสนามเด็กเล่นได้พร้อมๆ กันด้วย

#2 โรงเรียนที่นักเรียนสามารถจัดการทุกอย่างได้ด้วยตนเอง ที่ประเทศออสเตรเลีย

โรงเรียนที่ออกแบบเป็นรูปทรงเรขาคณิต และมีสีสันสดใส นักเรียนที่นี่จะได้รับโอกาสให้จัดการเรื่องแผนการเรียนด้วยตัวเอง โดยมีผู้ปกครอง และคุณครูช่วยดูแลคอยช่วยเหลือดูแลอยู่ อีกทั้งนักเรียนยังมีสิทธิ์ในการนำเสนอวิธี และแนวทางการสอนรูปแบบใหม่ เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะทางความรู้ของตัวเด็กไปในตัว

#3 โรงเรียนที่เหมือนกับออฟฟิศ ที่ Ohio ประเทศสหรัฐอเมริกา

โรงเรียนทีมีบรรยากาศเหมือนกับทำงานอยู่ในออฟฟิศ เปิดรับเฉพาะนักเรียนเกรด 3-12 เท่านั้น (ประมาณ ป.3-ม.6 หรืออายุ 9-18 ปี) นักเรียนแต่ละคนจะมีที่นั่งส่วนตัว พร้อมกับเครื่องคอมพิวเตอน์หนึ่งตัว และให้นักเรียนได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ โดยการค้นหาข้อมูลในเว็บไซต์ต่างๆ ผ่านทางคอมพิวเตอร์ หากมีคำถามอะไรที่เป็นข้อข้องใจก็สามารถถามอาจารย์ผู้สอนได้

#4 โรงเรียนฝึกประสบการณ์จริงบนโลก ที่ Rhode Island ประเทศสหรัฐอเมริกา

จุดเด่นของโรงเรียนแห่งนี้คือ นักเรียนจะได้เรียนรู้สิ่งที่เขาชอบ สนใจ หรือมีใจรัก จากผู้เชี่ยวชาญ หรือทำงานในสาขานั้นๆ โดยตรง ซึ่งเด็กจะได้รู้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการจะรู้จริงๆ และพวกเขาก็จะตั้งใจเรียนอย่างเต็มที่ เพื่อนำความรู้ไปใช้ในวิชาชีพที่ตัวเองถนัด และอยากจะเป็นในอนาคต

#5 โรงเรียนที่สอนให้รู้จักความอันตราย ที่ San Francisco ประเทศสหรัฐอเมริกา

เป็นโรงเรียนที่อาจารย์จะสอนนักเรียนในทุกๆ อย่างที่พ่อแม่ห้ามทำ นักเรียนจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อน อีกทั้งยังได้ทำงานกับไฟ การแยกชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหลายจนเนื้อตัวมอมแมม รวมถึงการวาดรูปด้วย เพราะทางโรงเรียนเชื่อว่าวิธีแบบนี้จะทำให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ด้วยตัวเองอย่างดีที่สุด

#6 โรงเรียนย่าน Silicon Valley ที่ San Francisco ประเทศสหรัฐอเมริกา

ด้วยความที่ย่านนี้มีบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำมากมาย โรงเรียนแห่งนี้จึงเปิดโอกาสให้นักเรียนได้ฝึกคิด และเรียนรู้ทักษะเกี่ยวกับเทคโนโลยีอยู่เสมอ โดยนักเรียนทุกคนนั้นจะได้รับ iPad เป็นเครื่องสำหรับบันทึกกิจกรรมต่างๆ ที่ตัวเองทำ อีกทั้งยังฝึกให้ออกแบบสิ่งก่อสร้างด้วยโปรแกรมการออกแบบ 3 มิติ ซึ่งรับเฉพาะนักเรียนที่มีอายุ 4-14 ปี เท่านั้น

#7 โรงเรียนที่นักเรียนได้ไปเรียนบนภูเขา และในถ้ำ ที่เมือง Stockholm ประเทศสวีเดน

เป็นโรงเรียนที่มีอาคารเปิดโล่ง ทำให้เหมือนเป็นโลกแห่งจินตนาการที่เด็กๆ จะสามารถเรียนรู้ และเล่นกันได้อย่างสนุกสนาน นักเรียนทุกคนจะได้รับคอมพิวเตอร์คนละหนึ่งเครื่องเป็นของตัวเอง แถมในหลักสูตรการสอนนั้นยังมีการสอนดนตรี ศิลปะ และการเต้นอีกด้วย

#8 โรงเรียนแห่งความคิดสร้างสรรค์ ที่ New York ประเทศสหรัฐอเมริกา

ผู้ที่ก่อตั้งโรงเรียนนี้ขึ้นมามีความคิดว่าโรงเรียนนั้นจะต้องเต็มเปี่ยมไปด้วยความสนุกสนานเสมือนกับสนามเด็กเล่น จึงทำให้นักเรียนที่นี่ได้พัฒนาทักษะด้านความคิดสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง นักเรียนในเกรด 2-8 (ประมาณ ป.2-ม.2) จะได้เรียนรู้การรีไซเคิลขยะอย่างสร้างสรรค์ และได้เปิดโอกาสให้สร้างโมเดลของเมืองนิวยอร์ก รวมถึงกิจกรรมเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์อีกมากมาย เพื่อที่เด็กๆ จะได้พัฒนา และตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง

#9 โรงเรียนที่ไร้วิชาเรียน ที่ Toronto ประเทศแคนาดา

เป็นโรงเรียนที่นักเรียนได้รับอิสระสุดๆ ไม่มีการบ้าน ไม่มีการสั่งให้ทำงาน และไม่มีการจัดตารางเวลาเรียน อีกทั้งเด็กๆ ยังมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเองอีกด้วยว่าในแต่ละวันนั้นอยากจะทำอะไรที่โรงเรียนบ้าง ส่วนอาจารย์นั้นจะคอยดูแลความเรียบร้อย และความปลอดภัยของเด็กๆ อยู่ใกล้ๆ

#10 โรงเรียนที่ไม่มีการบังคับ และไร้ความกดดัน ที่เมือง Espoo ประเทศฟินแลนด์

นักเรียนจะสามารถนั่งเรียนที่ไหนก็ได้ตามใจชอบระหว่างที่มีการเรียนการสอน สามารถไปนั่งบนโต๊ะ คุยกับเพื่อนๆ หรือนอนบนโซฟาก็ได้ถ้ารู้สึกอ่อนล้า หรือเพลีย ทำให้บรรยากาศในห้องเรียนนั้นสบายสุดๆ อีกทั้งโรงยิม และหอประชุม ยังออกแบบตกแต่งให้คล้ายกับไนท์คลับสำหรับวัยรุ่นอีกด้วย

เครดิต brightside.me